หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบ
1. คนที่อ่านหนังสือคนเดียวมักจะเสียเปรียบ คนที่อ่านเป็นกลุ่มมักจะได้เปรียบ เนื่องจากอ่านคนเดียวอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน หรืออ่านไม่ตรงจุด หรือ(บางคน)อาจอ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าอ่านเป็นกลุ่มโอกาสอ่านผิดจุดจะยากขึ้น และยังพอช่วยกันฉุดได้

** แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับคนชอบแชตนะค่ะ อิอิ

2. ควรอ่านเองที่บ้านก่อน 1 รอบ และจับกลุ่มติว เสร็จแล้วกลับไปอ่านทบทวนเองที่บ้านอีก 1 รอบ (ต้องรับผิดชอบตัวเอง)

3. ผลัดกันติว ใครเข้าใจเรื่องใดมากที่สุดก็ให้เป็นผู้ติว ข้อสำคัญ อย่าคิดแต่จะเป็นผู้รับอย่างเดียว จงคิดว่าเป็นผู้ให้ก่อน แล้วคนอื่น ก็จะให้ตอบเอง

4. ผู้ติวจะได้ทบทวนเนื้อหา และจะรู้ว่าตัวเองขาดอะไร

จากคำถามของเพื่อนที่สงสัย บางครั้งเพื่อนก็สามารถเสริมเติมเต็มในบางจุดที่ผู้ติวขาดหายได้

5. การติวจะทำให้เกิดการ Share ความคิด และฝึกวิธีทำงานร่วมกับผู้อื่น

ช่วยพัฒนาทั้งด้าน IQ และ EQ (อ่านเองจะพัฒนาแต่ IQ) นะจ๊ะ
 
 
 
 
เทคนิคเรียนดี
 
 

1. อ่านหนังสือตอนเช้าๆ จะช่วยในการจดจำได้เยอะเพราะว่าตอนเช้าสมองของเราปลอดโปร่ง ถ้าเทียบกับตอนเย็น หรือตอนดึกๆ เนื่องจากสมองของเราผ่านอะไรมามากมายแล้ว สู้รบปรบมือกันมาทั้งวัน

2. รู้มั้ยว่า การยืนอ่านหนังสือ ช่วยในการจดจำมากกว่า การนั่งอ่านหนังสืออีกนะจะบอกให้แล้วอีกอย่างช่วยกัน การหลับคาหนังสืออีกด้วย

3. การจดโน๊ต ให้ดูสะอาดตาสวยงาม จะเป็นสิ่งดีมากๆ เนื่องจากลายมือที่สวยและเป็นระเบียบ จะช่วยในการจดจำได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ ถ้าบอกแบบนี้ เราควรใช้กระดาษสีขาว และปากกาหมึกสีดำ ช่วยให้อักษรมีความชัดเจน และมีพลังเยี่ยมยอดเมื่อบวกกับสีขาวในกระดาษที่เป็นช ่องว่างอยู่ การเรียบเรียงตัวอักษร เราควรที่จะจดแบบให้มีการเคลื่อนไหว แทนที่จะจดแบบแนวนอน เรียงยาวแบบธรรมดาๆ ก็คือการจดแบบเป็นกลอน แทนที่จะจดให้มันเป็นพรืดยาว จนเอียน การจดแบบนี้ ทำให้เมื่อยสายตา เพราะเราต้องใช้สายตากวาดทอดยาวไป ทำให้เมื่อยล้าสายตาอย่างยิ่ง ทำให้เลิกอ่านกันไปดื้อๆแต่การที่เราจดแบบกลอน มันช่วยให้สายตาของเราไม่ล้า ทำให้เราอ่านหนังสือได้มากขึ้น และจำได้รวดเร็วกว่าเดิม ไม่ต้องมาอ่านซ้ำหลายๆ รอบเหมือนแต่ก่อน

4. การจดอีกแบบนึง ก็คือ การจดแบบ mind mapping การจดแบบนี้ หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันดี คือ การ มีคีย์เวิร์ดชื่อเรื่องไว้ตรงกลาง แล้วแตกสาขากิ่งก้านหัวข้อย่อยๆ ออกมา ขอย้ำนิดนึงว่า ควรจะใช้คำสั้นๆ ที่สำคัญๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ และไม่น่าเบื่อ

5. การเรียนแบบจับคู่ ควรที่จะมีคู่หู 1 คนในการเรียนเพื่อแชร์ความรู้ที่แต่ละคนได้มา และโต้เถียงความรู้กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลดีเช่นกัน ทำให้การเรียนมีสีสัน และเกิดความตื่นตัวอีกด้วย

6. การอ่านหนังสือเสียงดัง หรือโยกตัว โยกขา การอ่านแบบมีจังหวะจะโคน ช่วยในการจดจำด้วย เพราะว่าเราได้ใช้ประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ
 

 


เคล็ดลับ 4 วิธีบำรุงสมอง ที่ใครก็สามรถทำได้ง่ายๆ
 
 

สมอง ของคนเรานั้น ถือได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด อีกส่วนนึงของร่างกาย ซึ่งเราสามารถเพิ่มขีดความสามรถ ให้กับสมองได้ง่ายๆ ไม่ยากเลย วิธีการเหล่านี้เป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ที่จะช่วยดูแลสุขภาพของสมองของคุณให้สดชื่นและกระปรี้กระเปร่าได้อย่างดี ลองนำมาใช้ดูเพื่อการทำงานในชีวิตประจำวันของคุณได้ไม่ยากเลย
 
1. การทำสมาธิ ช่วยเรื่อง ความสามารถในการจำ หากใครที่เคยเล่นโยคะหรือฝึกสมาธิจะพบว่า ตนเองมีความจำที่ดีขึ้นและยังสามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เหตุผลก็คือ สมาธิที่ดีมีผลต่อโครงสร้างของสมองส่วนหลักๆ 3 ส่วนได้แก่ ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) เกี่ยวข้องกับความจำ ส่วนของอินซูลาร์ คอร์เทกซ์ (insular cortex) เกี่ยวกับการรับรู้ทางประสาทสัมผัส และสุดท้ายส่วนของพรีฟรอนทอล คอร์เท็กซ์ (prefrontal cortex) เกี่ยวข้องกับความสนใจสิ่งต่างๆ และการตัดสินใจของตนเอง ซึ่งเป็นการยอมรับในระดับสากลอันเป็นข้อมูลมาจากโรงพยาบาลฮาร์ดวาร์ด แอนด์แมสซาชูเซตส์

2. เลือกรับประทานอาหารเพื่อบำรุงสมอง หากคุณเป็นอีกคนที่เกลียดปลาแล้วละก็คงต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ เพราะปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันที่ดีของสมองอย่างเช่น โอเมก้าที่ควรรับประทานสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่ามนุษย์อย่างเราๆ ต้องการกรดไขมันโอเมก้า6 และกรดไขมันโอเมก้า 3 ในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 จึงจะเหมาะสมและดีที่สุดของสมองของเรา นอกจากนี้แล้วผักและผลไม้ก็มีทางเลือกที่ดีเพื่อช่วยเหลือการทำงานของสมองในเรื่องของความจำและความสามารถในการเรียนรู้ให้ดีขึ้น พร้อมคืนความอ่อนเยาว์แบบหนุ่มสาวให้แก่สมองของคุณได้กระปรี่กระเปร่ามากขึ้นอีกด้วย อีกทั้งผลไม้ตระกูลเบอรี่อย่าง เชอร์รี่ เบอร์รี่ หรือแอปเปิ้ล ลูกพลัมก็เป็นอาหารสมองชั้นเลิศที่คุณห้ามพลาดทั้งสิ้น

3. การพักผ่อนเพียงพอ สงผลต่อการทำงานของสมอง การอดนอนไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของคนรักสมอง เพราะสมองของคนเราควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่โดยเฉพาะการพักผ่อนนอนหลับอย่างสนิทในตอนกลางคืนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยทำให้คนสามารถคิดอะไรได้ไวขึ้นเพราะสมองจะปรับระบบการทำงานให้คืนสู่ภาวะสมดุลอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง

4. ออกกำลังเพื่อเพิ่ม การรับออกซิเจนของสมอง ออกซิเจนคือส่วนประกอบหลักของเม็ดเลือดแดงซึ่งถือเป็นเลือดดีๆ ที่ใช้บำรุงสมอง ดังนั้นหากต้องการให้สมองปลอดโปร่งก็แนะนำว่าต้องเพิ่มกิจกรรมในชีวิตประจำวันให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้นซึ่งก็คือ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ในระดับที่นักวิจัยได้แนะนำ คือระดับปานกลางซึ่งอยู่ที่ 30 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือดและสูบฉีดไปเลี้ยงยังสมองมากขึ้น จะทำให้สมองทำงานดีขึ้น เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มพลังให้ตัวเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น